น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
ประวัติความเป็นมา
ทับสะแก ซึ่งเป็นอำเภอที่มีการปลูกมะพร้าวเป็นพืชหลัก ลักษณะเด่นของมะพร้าวที่นี่ คือ ผลใหญ่ เนื้อหนา ความมันสูง เป็นที่ยอมรับ เลื่องลือว่า เป็นแหล่งปลูกมะพร้าวที่ดีที่สุดของประเทศ มะพร้าวถือว่าเป็นพืชแห่งชีวิต ( Tree of life ) ที่สามารถนำมาทำประโยชน์ได้มากมายนานัปการ ตั้งแต่รากถึงยอด ปัจจุบันได้เป็นพืชเศรษฐกิจหลักอีกตัวของทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่ามีปัญหาเรื่องผลผลิตตกต่ำบ่อยมาก สร้างความเดือดร้อนให้ชาวสวน เพราะดั้งเดิมจะปลูกมะพร้าวเป็นพืชเดี่ยวๆ เมื่อมีปัญหาเรื่องราคาต่ำ ขายไม่ได้ จึงไม่มีส่วนอื่นมาชดเชย ปัญหาเหล่านี้จึงทำให้ชาวสวนตัดโค่นเพื่อปลูกพืชอื่นทดแทนที่ได้รายได้ มากกว่า เช่น ยางพารา ซึ่งระยะเวลาเพียง 4-5 ปี ที่ผ่านมาพื้นที่ปลูกมะพร้าวของจังหวัดลดลงไปเกือบครึ่ง ซึ่งอาจจะกลายเป็นพืชที่หายากและขาดแคลนในอนาคต
ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ ช่วงที่ผลผลิตมะพร้าวราคาตก ชาวสวนมะพร้าวหลายรายได้รับความเดือดร้อน เพราะส่วนใหญ่แล้วชาวสวนมะพร้าวจะขายผลมะพร้าวเพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีการแปรรูปเท่าใดนัก คุณขวัญสุภัสสร เทียมเทศ หรือป้าศรี หญิงแกร่งแห่งบ้านนาตาปะขาว หมู่ที่ ๒ ตำบลเขาล้าน อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากราคามะพร้าวตกต่ำเช่นกัน ในช่วงนั้น ป้าศรีเกิดความคิดอยากจะเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตมะพร้าวของตนเอง ประกอบกับได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงามจากธรรมชาติ ที่มีกระแสความนิยมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการจุดประกายความคิด ให้นึกถึงประโยชน์จากมะพร้าวที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคนรุ่นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จากภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนทับสะแกที่มีชีวิตผูกพันแน่นแฟ้นกับมะพร้าว ตลอดช่วงอายุขัย เรียกว่า ถ้าเป็นเรื่องมะพร้าวแล้วล่ะก็ คนทับสะแกรู้ดีกว่าใครในโลกนี้ก็ว่าได้ เพราะใช้ประโยชน์จากมะพร้าวกันทุกส่วนตั้งแต่ก่อนกำเนิด กันจนถึงลาโลกนี้ไปกันเลยที่เดียว คิดได้ดังนี้แล้ว ป้าศรีจึงได้เริ่มทดลองทำน้ำมันมะพร้าว ร่วมกับน้องสาว โดยในช่วงแรก ทดลองทำตามแบบสมัยก่อน คือใช้มะพร้าวมาเคี่ยว เพื่อให้ได้น้ำมันมะพร้าว แต่ปรากฏว่าน้ำมันมะพร้าวที่ผลิตได้ มีสีเหลืองนวล และมีกลิ่นแรง ไม่ใช่สิ่งที่ป้าศรีต้องการ จึงได้เริ่มศึกษาวิธีการทำน้ำมันมะพร้าวให้ใสและนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่าง หลากหลายจากเอกสารทางวิชาการต่าง ซึ่งในช่วงปีแรก การดำเนินงานค่อนข้างเป็นไปแบบ ทดลองทำหลายๆ วิธี โดยไม่ได้ไปรับการอบรม เพียงศึกษาจากเอกสารต่างๆ ซึ่งก็ประสบความล้มเหลวมาตลอด จนกระทั่งช่วงกลางปี พ.ศ.๒๕๕๓ ป้าศรี ก็สามารถผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นได้สำเร็จ และมีคุณภาพ จึงได้ชักชวน เพื่อนๆให้ร่วมกันทำน้ำมันมะพร้าวเพื่อจำหน่าย เป็นการกำเนิดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยเจริญ มีสมาชิกก่อตั้งจำนวน ๑๐ คน แต่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกลุ่มกับหน่วยงานใดๆ ซึ่งได้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับมะพร้าวในหลายรูปแบบภายใต้ยี่ห้อการค้าว่า นาฬิเกร์ ทั้งสบู่ เครื่องสำอาง ฯลฯ แต่ที่ได้รับความนิยมสุด ได้แก่ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
ต่อมา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยเจริญ ได้ขึ้นทะเบียนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกับสำนักงานเกษตรอำเภอทับสะแก ในปี พ.ศ.๒๕๕๓ ทำให้ได้รับการส่งเสริมด้านวิชาการด้านการผลิตเพิ่มเติม มีการส่งผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบคุณภาพ ของมาตรฐาน อย. จากสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และในปี พ.ศ.๒๕๕๓ นี้เองที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยเจริญ ได้ส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เข้าตัดสรรสินค้า OTOP ซึ่งผลการคัดสรรได้เป็นสินค้าOTOP ระดับ ๓ ดาว และ ในปี พ.ศ.๒๕๕๕ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยเจริญ ได้ปรับปรุงรูปแบบผลิตภัณฑ์ ภาชนะบรรจุใหม่ ละส่งเข้าคัดสรรอีกครั้ง ซึ่งผลจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ทำให้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ตรา นาฬิเกร์ ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้า OTOP ระดับ ๕ ดาว ในปี พ.ศ.๒๕๕๕ นี้เอง
อัตลักษณ์(เอกลักษณ์)/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
มาตรฐานและรางวัลที่ได้รับ
1) หนังสือรับรองมาตรฐาน อ.ย. ปี พ.ศ.2552
2) มาตรฐาน ม.ผ.ช. ปี พ.ศ.2553
3) OTOP ระดับ 3 ดาว ปี พ.ศ. 2553
4) OTOP ระดับ 5 ดาว ปี พ.ศ. 2556
ความสัมพันธ์กับชุมชน
1) การผลิตไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมของชุมชน ไม่ก่อให้เกิดการรบกวนต่อชุมชนมีระบบการกำจัดของเสียที่เหมาะสม ไม่เกิดการขัดแย้งในชุมชน
2) ทำให้เกิดงาน เกิดรายได้กับประชาชนในหมู่บ้าน
3) สร้างรายได้เสริมจากอาชีพหลักที่ปลูกมะพร้าว และรับจ้างใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
4) ร่วมกับสำนักงานเกษตร ให้ความรู้การผลิตพืชอาหารปลอดภัย (เกษตรอินทรีย์) ทั้งของสมาชิกและชุมชน
5) สมาชิกที่อยู่ในชุมชน ขายผลผลิตได้ราคาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มฯ ซื้อแพงกว่าพ่อค้ากิโลกรัมละ 2 บาท
6) อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น
7) ก่อเกิดองค์ความรู้เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษา
กระบวนการผลิต
วัตถุดิบและส่วนประกอบ
1) มะพร้าวกะเทาะกะลาแล้ว คัดที่มีคุณภาพดี ไม่อ่อนเกิน หรือเก็บไว้นานจนงอก หรือเน่า
2) น้ำสะอาดใช้สำหรับคั้นกะทิ
ขั้นตอนการผลิต
1) น้ำมะพร้าวที่ผ่าน้ำออกทำความสะอาดตั้งทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2) นำมะพร้าวเข้าเครื่องโม่
3) นำมะพร้าวที่ได้จากการโม่ เข้าเครื่องคั้นอัตราส่วนมะพร้าว : น้ำ = 1 : 1
4) บรรจุใส่ถังพลาสติกปิดฝาสนิท ตั้งไว้ในที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 18 - 24 ชั่วโมง จะได้น้ำกะทิที่แยกชั้นออกจากัน ทำให้สามารถแยกน้ำมันมะพร้าวออกมาได้
5) ตัดน้ำมันที่ได้ มากรองด้วยผ้าขาวบางพับทบหลายๆชั้น เพื่อกรองเศษตะกอนออก
6) นำน้ำมันที่ตักได้ไปตุ๋น เพื่อระเหยน้ำออกจากน้ำมัน ด้วยการตั้งถังลงในถังใบ 2 ที่มีน้ำร้อนให้อยู่ในอุณหภูมิไม่เกิน 65 องศา นาน 12 ชม.
7) พักน้ำมันไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ นำมากรองด้วยเครื่องกรองจะได้น้ำมันใส ลื่นคอ เวลารับประทานไม่ระคายคอ
8) บรรจุขวดพร้อมจำหน่าย
เทคนิค/เคล็ดลับในการผลิต
1) ใช้วัตถุดิบมีคุณภาพดีเยี่ยม มะพร้าวสด สะอาด ไม่อ่อน ไม่เป็นโรค ต้องเป็นลูกที่สมบูรณ์ซึ่งจะมีลักษณะ ผิวที่กะเทาะเปลือกแล้วจะมีสีน้ำตาล
2) ความสะอาด ทุกขบวนการต้องควบคุมความสะอาด อุปกรณ์ต้องลวกน้ำร้อนก่อนใช้งานทุกครั้ง
3) ต้องไล่น้ำออกจากน้ำมันให้หมด เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นหืน
4) การตกตะกอนและกรอง จะทำให้น้ำมันใส ลื่น ไม่ระคายคอ
ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ
กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปน้ำมันมะพร้าวบ้านห้วยเจริญ
ที่อยู่ 59/5 2 - - ตำบลเขาล้าน อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77130
088-2695044, 090-4356171
-
Nalikea@hotmail.com
ประธานกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ
นางสาวขวัญพรสุภัสสร เทียมเทศ
ที่อยู่ 59/5 2 - - ตำบลเขาล้าน อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77130
088-2695044, 090-4356171
-
Nalikea@hotmail.com
แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์
1) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปน้ำมันมะพร้าวบ้านห้วยเจริญ
2) ถนนคนเดินตลาดโต้รุ่ง, ศูนย์ OTOP ปราณบุรี, ศูนย์ OTOP หัวหิน, ศูนย์ OTOP เขาโพธิ์
3) ร้านค้าคุณงามพิศ เทียมเทศ ตลาดประตูเชียงใหม่
4) เว็บไซต์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
5) เว็บไซต์ www.Nalikea.com